เครื่องสำอาง คือ หนึ่งในอุตสาหกรรมที่ทำรายได้สูงมาก เพราะว่าผู้คนส่วนใหญ่หันมาดูแลตัวเองกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ รวมไปถึงเรื่องการดูแลผิวหน้าอย่างการใช้เครื่องสำอางด้วย แน่นอนว่าเครื่องสำอางนั้นมีหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น เครื่องสำอางที่ใช้ดูแลเส้นผม ดูแลผิวกาย ดูแลผิวหน้า รวมทั้งจุดซ่อนเร้นต่าง ๆ จำเป็นมากที่จะต้องมี ฉลากเครื่องสําอาง ยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่ทำธุรกิจเครื่องสำอางในปัจจุบัน ไม่ใช่ว่ามีสูตรแล้วจะขายได้ เพราะจะต้องมีการตรวจว่าผ่าน อย. หรือไม่ อีกทั้งวิธีการใช้ กระบวนการผลิต หรือสารเคมีในเครื่องสําอางที่ต้องหลีกเลี่ยง แน่นอนว่า ฉลากเครื่องสำอาง ที่ถูกต้อง ควรมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง วันนี้พวกเราได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมด เป็นข้อมูลสำคัญเหมาะสำหรับทั้งผู้ที่กำลังจะผลิตเครื่องสำอาง รวมทั้งผู้ใช้งานเครื่องสำอางอยู่ด้วยเช่นเดียวกันนั่นเอง รายละเอียดจะเป็นอย่างไร ติดตามอ่านกันได้ในบทความนี้
ขอตอบคำถามด้านบนที่ทุกคนสงสัยกันก่อนเลยว่า เครื่องสำอางนั้น จำเป็นมากที่จะต้องมีฉลาก เพราะว่าจะต้องแจ้งให้กับผู้บริโภคให้ถูกต้องว่า ผลิตที่ใด ผลิตจากอะไร มีการรับรองหรือไม่ ยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่ทำธุรกิจเครื่องสำอาง นอกจากที่ตัวคุณเองจะต้องรู้เรื่องของส่วนผสมของเครื่องสำอางแล้ว ก็จะต้องมีความรู้ในเรื่องของกฏหมายฉลากเครื่องสำอางด้วย โดยในข้อนี้เกี่ยวข้องด้วยเต็ม ๆ เพราะก่อนที่เครื่องสำอาง 1 ชิ้น จะออกมาวางจำหน่าย จะต้องมีความชัดเจน ซึ่งก่อนอื่นเลยคุณเองต้องเข้าใจทุกระบบขั้นตอนที่จะสั่งโรงงานรับผลิตเครื่องสำอางตั้งแต่ กระบวนการผลิต, การขอเลขที่จดแจ้งจากสำนักงานองค์การอาหาร และ ยา หรือ (อย.) โดยในวันนี้ต้องขอแนะนำเกี่ยวกับกฎหมายของฉลากเครื่องสำอางกันก่อนเลยว่าจะมีอะไรบ้าง
เรื่องที่ควรจะต้องมีความรู้เอาไว้ สำหรับผู้ที่ทำธุรกิจผลิตเครื่องสำอาง รวมทั้งตัวของผู้ใช้งานเอง นั่นก็คือ ผู้จดแจ้งขอให้คณะกรรมการเครื่องสำอางพิจารณาให้ความเห็นเกี่ยวกับกับฉลากเครื่องสำอาง พร้อมหลักฐาน เอกสาร จะต้องมีการให้ผู้จดแจ้งต้องชำระค่าธรรมเนียมตามคำขอที่กำหนดไว้ พร้อมทั้งให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ตรวจสอบคำขอ และ รายการเอกสารที่แนบมา ให้เสร็จสิ้นภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันที่ผู้จดแจ้งได้ยื่นคำขอ และ ชำระค่าธรรมเนียม
สำหรับผู้ที่เริ่มธุรกิจเครื่องสำอาง ก็จะต้องเน้นไปที่ความรู้ในเรื่องของกฎหมาย ที่จะต้องมีกระบวนการที่ถูกวิธี ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบโดย อย. หรือ การมีฐานผลิตที่เป็นหลักแหล่ง มีโรงงานที่ได้รับการตรวจสอบคุณภาพ ได้รับมาตรฐานการผลิต ดังนั้นแล้วฉลากสินค้า หรือ ฉลากเครื่องสำอาง จำเป็นต้องมีข้อมูลเบื้องต้นดังต่อไปนี้
สำหรับแต่ละข้อที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นข้อมูลสำคัญของเครื่องสำอางที่ผลิตออกมาจำหน่าย แน่นอนเลยว่า ก่อนที่จะสั่งโรงงานรับผลิตเครื่องสำอาง ก็จะต้องทำความเข้าใจกันเกี่ยวกับ ระบบ ฉลากที่ได้รับมาตรฐาน รวมไปถึงมีการตรวจสอบคุณภาพก่อนที่จะจัดส่ง หรือ ออกจำหน่ายด้วย ดังนั้นแล้วถ้าหากว่าเครื่องสำอางที่ผลิตไม่มีฉลากที่ถูกต้องตามกฎหมาย จะหมายถึง “เครื่องสำอางเถื่อน” เป็นอันตรายต่อผู้ใช้งาน รวมทั้งผู้จำหน่ายจะต้องถูกดำเนินคดีตามฏหมาย
อย่างที่ได้บอกไปข้างต้นว่า เครื่องสำอาง จะต้องมีฉลากที่ถูกต้อง โดยจะมีการกำกับตั้งแต่ ชื่อสินค้า สารที่ผลิต รวมไปถึง วิธีการใช้ คำแนะนำต่าง ๆ ก่อนที่จะออกจำหน่าย ดังนั้นพวกเราจึงได้รวบรวมข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญ เกี่ยวกับ การมีฉลากเครื่องสำอางที่ถูกต้อง จะต้องประกอบไปด้วยข้อมูลใด พร้อมรายละเอียดที่ชัดเจนขนาดไหน นี่แหละคือจุดสำคัญอีกเรื่องที่นักธุรกิจแบรนด์เครื่องสำอางจะต้องรู้
สำหรับชื่อเครื่องสำอาง จะมีแนวทางในการพิจารณา รับแจ้งในส่วนของชื่อการค้า จะมีรายละเอียดที่สำคัญดังต่ไปนี้
1.การใช้ชื่อการค้า จะต้องเป็นข้อความ ภาษาไทย กับ ภาษาอังกฤษ จะต้องมีความหมายที่สอดคล้องกัน หรือ ใช้ทับศัพท์ได้
2.จะต้องไม่ใช้ข้อความไปในทำนอง ไม่สุภาพ หรือ โอ้อวดสรรพคุณ
3.จะต้องไม่ใช้ข้อความ คำศัพท์,ตัวย่อ,คำพ้องรูป,คำพ้องเสียง,ตัวอักษร,ตัวเลข,การออกเสียง ที่จะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับเครื่องสำอาง จะไม่แสดงสรรพคุณเกินขอบข่ายของเครื่องสำอาง
4.ไม่ใช้ข้อความ ที่ไม่เหมาะสมกับวัฒนธรรมอันดีงามของไทย หรือ สื่อถึงการใช้เพศสัมพันธ์
5.จะต้องไม่ใช้ข้อความที่ทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นผลิตภัณฑ์ ยา หรือ ผลิตภัณฑ์อื่น ที่ไม่ใช่เครื่องสำอาง
สำหรับในวิธีใช้งาน ควรจะต้องระบุให้ละเอียด ชัดเจน เข้าใจง่าย โดยให้ลูกค้าใช้ได้อย่างถูกต้อง รวมทั้งมีประสิทธิภาพในการใช้งานได้สูงสุด
สำหรับเลขที่จดแจ้ง จะเป็นเลข 10 หลัก ที่อยู่บนฉลากเครื่องสำอาง โดยจะเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งชี้ว่า ผลิตภัณฑ์นี้ได้มาแจ้งรายละเอียดตามข้อกำหนด ผลิตเพื่อขาย รวมทั้ง การนำเข้าเพื่อขาย ที่ไปทำการจดทะเบียนกับ กระทรวงสาธารณสุขเรียบร้อยแล้ว
ตัวของฉลากจะต้องระบุอย่างชัดเจน ว่าเป็นเครื่องสำอางแบบใด โดยมีรายละเอียดแบ่งออกเป็น 3 ประเภทดังนี้
1.เครื่องสำอางควบคุมพิเศษ ซึ่งจะได้แก่ ผลิตภัณฑ์ย้อมผมถาวร ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ น้ำยาบ้วนปาก ที่มีฟลูออไรด์ ผลิตภัณฑ์ดัดผม ยืดผม ฟอกสี กำจัดขน ซึ่งจะอยู่ในหมวดนี้ทั้งหมด
2.เครื่องสำอางควบคุม ซึ่งจะได้แก่ เครื่องสำอางที่ผสมสารป้องกันแสงแดด ผลิตภัณฑ์ขจัดรังแคที่มีสารซิงก์ไพริไทออน หรือ ไพรอกโทน โอลามีน แป้งฝุ่นโรยตัว และ ผ้าอนามัย
3.เครื่องสำอางทั่วไป ซึ่งจะได้แก่ แชมพู สเปรย์ เจลแต่งผม ครีมนวดผม
ในปัจจุบันนี้ มีเครื่องสำอางประเภทเดียวกัน ที่จะต้องไปยื่นจดแจ้งที่ อย. คือ เครื่องสำอางควบคุม ตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ.2535 โดยเครื่องสำอางควบคุม ผู้ผลิต หรือ ผู้นำเข้า จะต้องแจ้งรายละเอียดของเครื่องสำอางควบคุม และ จะต้องชำระค่าธรรมเนียมรายปี จึงจะผลิต หรือ นำเข้าเครื่องสำอางควบคุมได้ ซึ่งเครื่องสำอางประเภทนี้ จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ตามประโยชน์การใช้งานแบ่งออกเป็น ผลิตภัณฑ์แต่งหน้า หรือ เมคอัพ และ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว หรือ สกินแคร์
ปริมาณสุทธิ
สำหรับปริมาณสุทธินั้น จะต้องเป็นน้ำหนัก หรือ ปริมาณเครื่องสำอางที่ไม่รวมภาชนะบรรจุ พร้อมกับระบุหน่วยด้วยเช่น กรัม (g)
คำเตือน
สำหรับ คำเตือน ที่อยู่บนฉลาก จะต้องบอกว่าผลิตภัณฑ์นี้อาจจะก่อให้เกิดความระคายเคืองได้ง่าย ตัวอย่างเช่น น้ำยาย้อมผม ที่มีสารเคมี อาจจะทำให้ร่างกาย อีกทั้งมีคำเตือน พร้อมทั้งข้อควรระวังเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ ตัวอย่างเช่น หยุดใช้ เมื่อเกิดการระคายเคือง ควรพบแพทย์
วัน เดือน ปี ที่ผลิต และ หมดอายุ
ฉลากเครื่องสำอาง รวมไปถึงอื่น ๆ จะต้องมีการกำกับวันที่ผลิต รวมทั้งวันที่หมดอายุด้วย เพราะหากถามว่าเครื่องสำอางหมดอายุใช้ได้ไหม? เป็นสิ่งที่ไม่ควรอย่างยิ่ง จึงต้องสังเกตฉลากกับตัวย่ออย่าง MFG. ซึ่งหมายถึง Manufactured Date หรือวันที่ผลิตสินค้า และ EXP. หมายถึง Expired Date หรือวันที่สินค้าจะหมดอายุ
ชื่อที่ตั้ง และ ชื่อผู้นำเข้า
เป็นอีกหนึ่งจุดที่ฉลากต้องมี เพราะมันเป็นการแสดงความน่าเชื่อถือของ สินค้า รวมทั้งเป็นการแสดงความรับผิดชอบกรณีเกิดปัญหาใด ๆ ก็สามารถติดต่อไปยังผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ได้ทันที อีกทั้ง ชื่อผู้นำเข้า และ ประเทศที่นำเข้ามา จะเป็นข้อมูลที่ตรวจสอบได้
เลขแสดงครั้งที่ผลิต
ฉลากจะต้องมีเลข Lot. ที่ทำการผลิต ตัวอย่างเช่น ถ้าเกิดปัญหา เราจะทราบได้เลยว่ามาจากการผลิตล็อตไหน
ส่วนประกอบ
ในส่วนของส่วนประกอบที่ฉลากจะต้องแจ้งด้วยว่า เครื่องสำอางนี้ ผลิตจากอะไรบ้าง อัตราส่วนเท่าไหร่บ้าง โดยจะมีการเรียงลำดับจากปริมาณของสารมาก ไปหาน้อย อีกทั้งจะแสดงเป็นร้อยละของน้ำหนัก โดยประมาณด้วย
สำหรับเครื่องสำอาง จะมีฉลากที่แสดงถึงสัญลักษณ์ต่าง ๆ บอกเอาไว้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น สัญลักษณ์รีไซเคิลสีเขียว หรือ สัญลักษณ์รูปหนังสือ หรือ หนังสือพร้อมมีมือชี้ และ กระป๋องเปิด แล้วมีตัวเลขกำกับไว้ ตามด้วย m (month) ซึ่งจะมีความหมายดังต่อไปนี้
จะเห็นได้ว่าฉลากสินค้า ฉลากเครื่องสำอาง มีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อการจำหน่าย มันจะช่วยในเรื่องของคุณภาพแบรนด์ ที่จะดูมีความน่าเชื่อถือขึ้น พร้อมทั้งส่วนประกอบที่บอกอย่างชัดเจน ทำให้ผู้บริโภค เชื่อใจที่จะซื้อมาใช้เพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงอีกช่องทางที่ถูกกฎหมาย มีการเสียค่าธรรมเนียมตามกฎหมาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้แบรนด์เครื่องสำอางถูกยกระดับขึ้นนั่นเอง อย่างไรก็ตามฉลากเครื่องสำอางที่ได้มาตรฐาน ก็จะต้องมองหาโรงงานผลิตเครื่องสำอางที่ได้รับมาตรฐานด้วยเช่นกัน
ฉลากเครื่องสําอาง จำเป็นอย่างมากที่จะต้องมีระบุติดเอาไว้ในทุกผลิตภัณฑ์ โดยตัวฉลากจะบ่งบอกถึงคุณภาพผลิตภัณฑ์ ที่ผลิต ความน่าเชื่อถือ การรับรองจาก อย. การนำเข้าอย่างถูกกฎหมาย แน่นอนว่าวันนี้พวกเราจึงได้รวบรวมวิธีการตัดสินใจเลือกโรงงานผลิตเครื่องสำอางที่ได้มาตรฐานมาแนะนำให้กับ ผู้ประกอบการ เพราะการรักษาคุณภาพแบรนด์คือเรื่องสำคัญ ดังนั้นโรงงานที่ผลิตจะต้องมีมาตรฐานดังต่อไปนี้
อันดับแรกที่สำคัญคือมาตรฐานของโรงงานผลิตเครื่องสำอาง จะต้องเป็นโรงงานที่ได้รับมาตรฐานจาก GMP. ISO หรือผ่านการรับรองจดแจ้ง อย. เพราะต้องการให้การผลิตเครื่องสำอางที่ปลอดภัยหายห่วง ดังนั้นจะต้องคำนึงถึงเรื่องการเติบโตของผลิตภัณฑ์ด้วย เพราะควรเลือกโรงงานที่มีการรองรับ รวมทั้ง ช่วยเหลือในส่วนของการส่งออกด้วย แต่ถ้าเป็นโรงงานที่ไม่ได้รับมาตรฐาน ก็เสี่ยงมากที่จะผิดกฎหมาย รวมทั้งเสียภาพลักษณ์ของแบรนด์ด้วย
การตลาด ถือว่าเป็นบทบาทสำคัญของ ธุรกิจเครื่องสำอาง ดังนั้นแล้ว โรงงานที่สูตรมาตรฐานให้เลือกเยอะ ทำให้เราใช้เวลาเกี่ยวกับการตลาดได้ดีขึ้น รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่นเด่น ยิ่งมีหลายข้อมากเท่าไหร่ การตลาด การขาย ก็จะยิ่งทำได้ดีขึ้นมากเท่านั้น
ฝ่ายของโรงงาน ถือว่าเป็นจุดสำคัญ ดังนั้นแล้วเมื่อเราไปพบเจอกับฝ่ายขาย ที่ทำงานได้ดี แนะนำได้ดี รวมไปถึงเรื่องการวางแผนการตลาดด้วย จะยิ่งทำให้เรามองเห็นการประสบความสำเร็จมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นการแนะนำในเรื่องพัฒนาผลิตภัณฑ์ จะเสริมความรู้ ไอเดียใหม่ ๆ ให้กับเราได้อย่างแท้จริง ซึ่งโรงงานที่ดีจะต้องให้คะแนะนำที่ดี รวมทั้งติดตามผลงานขายด้วย
ความชัดเจน คือ หนึ่งในหัวใจหลักของกระบวนการผลิต หรือ การขาย ดังนั้นแล้วโรงงานที่ดี จะต้องมีแผนการผลิตที่ชัดเจน รวมไปถึงการกำหนดระยะเวลาในการผลิตด้วย ซึ่งเรื่องนี้จะทำให้เราสามารถวางแผนการตลาดได้ง่าย วางแผนการผลิตได้ง่ายด้วยเช่นกัน
โรงงานที่ดีจะต้องใส่ใจเรื่องต้นทุนการผลิตของเราด้วย ดังนั้นแล้วจะมีการวิเคราะห์ออกมาว่า เมื่อผลิตปริมาณเท่าไหร่ จะได้รับกำไรเท่าไหร่ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้สามารถวางแผนล่วงหน้าได้เลยว่า เมื่อธุรกิจเราโตขึ้น จะมีการผลิตเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ ถ้าหากว่าต้นทุนสูง แล้ววางโครงสร้างของราคาสินค้าผิดพลาด บอกเลยว่าปัญหาเรื่องขาดทุนจะตามมาอย่างแน่นอน
การผลิตสินค้า เราเองเป็นเจ้าของแบรนด์สามารถที่จะตรวจสอบกระบวนการผลิตได้ เพราะว่าโรงงานที่ดีก็ควรที่จะได้รับมาตรฐาน มีการทำงานที่โปร่งใส่ ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน สามารถอธิบายเหตุผล ข้อผิดพลาดได้อย่างถูกต้อง นี่แหละคืออีกหนึ่งข้อสำคัญที่ ผู้ประกอบการตัดสินใจเลือกโรงงานที่ทำงานอย่างโปร่งใส โรงงานที่ดูมีความลับเยอะจนตรวจสอบไม่ได้ ก็ต้องขอข้ามไปก่อน
สำหรับในส่วนนี้เป็นจุดที่ผู้ประกอบการแบรนด์เครื่องสำอางจะต้องระวัง เพราะเรื่อง บรรจุภัณฑ์ที่โดดเด่น จะทำให้ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์เช่นเดียวกัน แต่ต้องระวังในเรื่องของ บรรจุภัณฑ์ที่หายากจนเกินไป เพราะอาจจะเกิดปัญหาในเรื่องของแพ็คเกจที่ผลิตไม่ทัน โดยมันจะส่งผลไปถึงเรื่องกระบวนการผลิต การจำหน่าย ต่อไปได้ในอนาคต
ถ้าหากว่ามี ฉลากเครื่องสำอาง ที่ถูกต้อง ควรจะต้องมีรายละเอียดสินค้าที่ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นวันที่ผลิต สถานที่ผลิต รวมทั้งคำแนะนำ วิธีใช้ต่าง ๆ ต้องให้ครอบคลุม มีรายละเอียดที่ชัดเจน เพราะการให้ความสำคัญของฉลากสินค้า จะมีผลต่อทั้งผู้ผลิต กับ ผู้บริโภคเป็นอย่างมาก นี่คืออีกหนึ่งช่องทางที่จะทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่คุณเป็นผู้ประกอบการนั้นดูน่าเชื่อถือมากขึ้น ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ ถ้าหากว่าเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ช่วยบำรุงผิว ก็ควรที่จะได้รับรองจาก สำนักงานองค์การอาหาร และ ยา หรือ (อย.) ให้ถูกต้อง ส่วนเรื่องเกี่ยวกับโรงงานที่ผลิตเครื่องสำอาง จะต้องเลือกโรงงานผลิตที่มีมาตรฐาน ให้คำปรึกษา แนะนำได้ทุกขั้นตอน รวมไปถึงชี้แนวทางการตลาดให้ด้วย ซึ่งทั้งหมดนี่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณนั้นประสบความสำเร็จได้รวดเร็ว และ มีเป้าหมายที่ชัดเจนมากขึ้นนั่นเอง
กฎหมายฉลากเครื่องสำอาง ที่คุณต้องรู้ (mpc.co.th)
7 CHECKLIST การเลือกโรงงานผลิตเครื่องสำอาง – ADSIDEA ผลิตเครื่องสำอาง