ดีท็อกซ์แบบธรรมชาติ เป็นอีกหนึ่งวิธีในการขับของเสีย สิ่งสกปรก หรือสารพิษตกค้างอยู่ ยิ่งสะสมมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพ แต่การขับถ่ายเป็นสิ่งที่ไม่ใช่ทุกคนจะโชคดีถ่ายง่าย หรือถ่ายคล่อง บางคนอาจจะถ่ายแต่ถ่ายไม่ตรงเวลา ไม่แน่นอน หรือบางคนอาจจะมีปัญหาท้องผูกบ่อย และไม่ค่อยถ่ายเลย นั่นจึงทำให้เห็นได้เลยว่าเรื่องของการขับถ่ายเป็นสิ่งที่สามารถคาดเดาได้ยากมาก ๆ ว่าแต่ละวันจะเป็นอย่างไร ด้วยเหตุนี้เองการซื้อผลิตภัณฑ์อาหารเสริมไฟเบอร์มารับประทานหรือวิธีดีท็อกซ์แบบธรรมชาติก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจไม่น้อยเลย ในบทความนี้เราจะพาคุณมาทำความรู้จักกันในส่วนของดีท็อกซ์แบบธรรมชาติ คืออะไร สามารถทำได้กี่แบบ,รวมสูตรทำดีท็อกซ์ธรรมชาติที่อยากให้ลอง และก่อนทำดีท็อกซ์ควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
ดีท็อกซ์แบบธรรมชาติ คืออะไร สามารถทำได้กี่แบบ
ดีท็อก (Detox) หรือที่เรียกว่า Detoxification เป็นวิธีการที่จะช่วยกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย โดยปกติแล้วร่างกายของมนุษย์มีความสามารถในการกำจัดสารพิษได้เองอยู่แล้ว แต่หากว่าสารพิษมีสะสมอยู่ในร่างกายมากเกินไป ก็จะส่งผลเสียทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมาได้นั่นเอง ด้วยเหตุนี้จึงต้องใช้การดีท็อกซ์เข้ามาช่วยในการทำให้ระบบกำจัดสารพิษของร่างกายสามารถทำงานได้ดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งการดีท็อกซ์จะเป็นการช่วยกระตุ้นให้การทำงานของระบบขับถ่าย และการช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารได้ดีมากขึ้นด้วยนั่นเอง
ปัจจุบันนี้การดีท็อกซ์เป็นวิธีการที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการใช้ดีท็อกซ์แบบธรรมชาติเพื่อมาช่วยในการลดน้ำหนัก ดีท็อกซ์เพื่อลดพุง หรือช่วยให้ร่างกายมีการขับถ่ายที่คล่องมากขึ้น สำหรับการดีท็อกซ์นั้นก็สามารถทำได้ 3 วิธีหลัก ๆ คือ การดีท็อกซ์ด้วยการกินอาหาร โดยถือว่าเป็นวิธีการดีท็อกซ์ที่มีความปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียง และสามารถทำได้ง่ายมาก ๆ เพียงแค่จะต้องใส่ใจกับเรื่องของการเลือกอาหารการกิน ที่จะต้องเลือกอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและเป็นอาหารที่มีสารที่ช่วยในการดีท็อกซ์สารพิษในร่างกายได้ก็เท่านั้นเอง
วิธีการต่อมาก็คือการดีท็อกด้วยการสวนล้างลำไส้ เป็นวิธีที่แพทย์มักจะเลือกนำมาใช้กัน เนื่องจากว่าสามารถช่วยกำจัดของเสีย และสารพิษตกค้างที่อยู่ภายในลำไส้ได้ จึงช่วยให้ระบบการทำงานของร่างกายทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดอาการท้องผูกด้วย ทั้งนี้ก็เป็นวิธีการดีท็อกซ์ที่ควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเท่านั้น และสุดท้ายก็จะเป็นการดีท็อกด้วยการอดอาหาร ที่จะเลียนแบบพฤติกรรมการจำศีลของสัตว์ ซึ่งวิธีการนี้จะช่วยให้ระบบย่อยอาหารได้พักการทำงาน และสามารถลดการสะสมของเสียในลำไส้ได้ด้วย ส่วนใหญ่แล้วการดีท็อกซ์วิธีนี้จะใช้เวลาอดอาหารเป็นเวลา 1-2 วัน แล้วจะทดแทนการกินอาหารด้วยการกินน้ำ หรือการกินผัก และผลไม้แทน
รวมสูตรทำดีท็อกซ์ธรรมชาติที่อยากให้ลอง
เมื่อได้เข้าใจกันไปแล้วว่าการดีท็อกซ์คืออะไร แล้วช่วยในเรื่องอะไรได้บ้าง ในส่วนนี้ก็อยากจะแชร์สูตรวิธีทํา ดีท็อกซ์ ด้วยตัวเอง หรือสูตรการทำดีท็อกซ์ธรรมชาติให้ได้ไปใช้กัน โดยแต่ละสูตรที่เอามาแนะนำกันนั้น ก็เป็นสูตรที่สามารถทำตามได้ไม่ยากเลย ซึ่งสูตรก็มีดังต่อไปนี้
- สูตรซุปผักร้อน เป็นสูตรที่จะช่วยในการดีท็อกซ์ลําไส้ โดยเป็นสูตรที่จะช่วยเพิ่มกากใย และเพิ่มสารอาหารให้แก่ร่างกาย อีกทั้งยังช่วยให้รู้สึกอิ่มท้อง และระบบขับถ่ายดีขึ้นด้วย หากว่าทำตามสูตรนี้บ่อย ๆ ก็จะช่วยให้เป็นการดีท็อกซ์ลำไส้ไปในตัวเลยนั่นเอง สำหรับการทำซุปก็ให้เน้นไปที่การใช้ผักใบเขียวที่มีธาตุเหล็ก มีแคลอรีต่ำ และมีไฟเบอร์สูง เช่น การใช้ผักโขม, บล็อกโคลี, กระเทียม หรือผักชีฝรั่ง ในการเพิ่มรสชาติของซุปก็ให้ใช้เป็นเกลือ และน้ำมันมะกอก ซึ่งสูตรนี้จะมีไฟเบอร์สูง และยังมีในส่วนของน้ำที่จะช่วยให้การย่อยอาหารเป็นไปได้ด้วยดี
- สูตรน้ำผึ้ง มะนาว โยเกิร์ต นมสด สำหรับสูตรนี้จะเป็นการผสมกันระหว่างของน้ำผึ้ง มะนาว โยเกิร์ต และนมสด เมื่อผสมเข้ากันแล้วก็จะให้รสชาติที่อมเปรี้ยวอมหวาน โดยสูตรนี้จะช่วยในการเรื่องของการกระตุ้นการทำงานของลำไส้ให้ทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งควรกินสูตรดีท็อกซ์นี้ติดต่อกันเป็นเวลา 3 วัน และกินในช่วงเวลา 05.30 – 07.00 น. พร้อมกับการดื่มน้ำก่อนกินด้วยสัก 1-2 แก้ว หากว่าสามารถทำได้ก็จะช่วยให้พุงยุบลงได้อย่างแน่นอน
- สูตรน้ำอุ่นและน้ำมะนาว เป็นสูตรดีท็อกซ์ที่สามารถทำได้ง่ายมาก ๆ เพราะใช้เพียงแค่น้ำอุ่น 1 แก้ว กับมะนาวครึ่งลูกเท่านั้น นำทั้งสองอย่างมาผสมเข้ากัน แล้วนำมาดื่มก่อนนอนเป็นประจำ ก็จะเป็นการช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ อีกทั้งยังมีกรดและไฟเบอร์ที่ได้จากมะนาว จึงทำให้สามารถช่วยกำจัดสิ่งตกค้างในลำไส้ให้ออกไปได้ในการขับถ่ายตอนช่วงเช้า
- สูตรนมจืดและกล้วยน้ำว้า สูตรนี้ทั้งอร่อยและช่วยดีท็อกซ์ด้วย โดยวิธีการก็ง่าย ๆ คือ ให้นำเอานม 2 กล่องและกล้วยน้ำว้า 2 ลูกมาปั่นรวมกัน แล้วนำมาดื่มในช่วงเช้าทันทีหลังจากที่ตื่นนอน ซึ่งควรดื่มดีท็อกซ์สูตรนี้ติดต่อกันเป็นเวลา 3 วัน ก็จะช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้นได้ และช่วยให้ถ่ายเป็นเวลาด้วย
- สูตรชาขิงกับว่านหางจระเข้ สำหรับสูตรนี้ก็มีส่วนผสมง่าย ๆ เพียงแค่ 3 อย่าง คือ การใช้ขิงหั่นแว่น 1 แว่น ต้มในน้ำร้อน จากนั้นก็ให้เติมวุ้นว่านหางจระเข้าอีก 1 ช้อนโต๊ะ เมื่อได้แล้วกินตอนร้อน ๆ ก็จะช่วยให้รู้สึกสดชื่น แถมยังเป็นยาระบายอ่อน ๆ ที่จะมาช่วยในเรื่องของการปรับสมดุลแบคทีเรียในลำไส้ด้วย อีกทั้งยังช่วยให้ระบบขับถ่ายและระบบย่อยอาหารสามารถทำงานได้ดีมากขึ้น
- สูตรน้ำเปล่าผสมกับเม็ดแมงลัก เป็นสูตรดีท็อกซ์ที่ถือว่าได้รับความนิยมมาก ๆ เลย โดยสูตรนี้จะใช้แค่เม็ดแมงลัก 2 ช้อนชา ผสมลงได้น้ำเปล่า 1 แก้ว สูตรนี้จะกินได้ก็ต่อเมื่อเม็ดแมงลักพองตัวแล้ว หากว่าได้แล้วก็ให้นำมาใช้ดื่มตอนก่อนนอน ซึ่งจะเป็นยาระบายอ่อน ๆ ช่วยในเรื่องของการขับเอาของเสียออกจากร่างกาย และยังช่วยในการย่อยอาหาร รวมถึงทำให้กระเพาะอาหารสะอาดมากขึ้นนั่นเอง
- สูตรน้ำเปล่า เลมอน แตงกวา ใบสะระแหน่ เป็นสูตรดีท็อกซ์ลำไส้ที่ยังช่วยเรียกความสดชื่นให้กับร่างกายได้ด้วย โดยสูตรนี้จะช่วยในเรื่องของการจำกัดของเสียออกจากร่างกาย สำหรับวิธีการก็ง่าย ๆ ให้ใช้เลมอน 2 ลูก แตงกวาครึ่งลูกฝานเป็นชิ้นบาง ๆ และใช้ใบสะระแหน่จำนวน 10-12 ใบ นำส่วนผสมที่ได้ใส่ลงในภาชนะที่จัดเตรียมไว้ จากนั้นเดิมน้ำเปล่าลงไป ¾ ถ้วย แล้วแช่ตู้เย็นเอาไว้ 8 ชั่วโมง เมื่อครบเวลาก็ให้นำใช้ดื่มในตอนเช้า
ก่อนทำดีท็อกซ์ควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
จากที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ก็เป็นสูตรดีท็อกซ์ธรรมชาติที่สามารถทำเองได้ง่าย ๆ และเป็นสูตรที่ให้ผลดีมากเลยทีเดียว เมื่อได้สูตรสำหรับทำดีท็อกซ์เรียบร้อยแล้ว แต่ก่อนจะทำก็จะเป็นที่จะต้องเตรียมตัวกันสักหน่อย ซึ่งขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนทำดีท็อกซ์ก็ทำได้ไม่ยาก สามารถตามขั้นตอนได้ดังต่อไปนี้
- เริ่มต้นด้วยการค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนปริมาณอาหารที่กิน โดยจะต้องค่อย ๆ ทกำการลดปริมาณอาหารกินลง โดยเฉพาะการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน, เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์, เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเทียม และอาหารที่มีไขมันทรานซ์ แล้วใช้วิธีการเพิ่มการกินผักในแต่ละมื้อให้มากขึ้นแทน ทั้งนี้ก็เป็นการช่วยลดความเสี่ยงที่เกิดอาการต่าง ๆ ตามมาจากการปรับตัวไม่ทัน ไม่ว่าจะเป็น อาการเวียนศีรษะ ท้องอืด หรือท้องผูกนั่นเอง
- ค่อย ๆ ลดปริมาณคาเฟอีนลง หากว่าใครที่จะต้องดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนทุกวัน ก็จะต้องค่อย ๆ ลดปริมาณการดื่มลง เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงอาการข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งสามารถเลือกดื่มเป็นกาแฟที่มีคาเฟอีนต่ำ หรือว่าดื่มชาแทนได้
- ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เรื่องนี้เป็นเรื่องพื้นฐานที่ทุกคนควรทำอยู่แล้ว เพราะน้ำถือว่าเป็นองค์ประกอบหลักในร่างกาย โดยเฉพาะในเรื่องของกระบวนการกำจัดของเสีย โดยก่อนการทำดีท็อกซ์จะต้องดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8 แก้ว หรือดื่มน้ำตามที่ความต้องการของร่างกาย ซึ่งหากว่าดื่มน้ำไม่เพียงพอติดต่อกันเป็นเวลานาน ก็จะทำให้เกิดอาการท้องผูกขึ้นได้
- รู้ว่าอะไรไม่ควรก็ให้หยุดกิน โดยการดีท็อกซ์ไม่ได้หมายความว่าต้องอดอาหารเสมอไป สามารถกินได้เพียงแค่จะต้องเลือกกินอาหารที่ถูกหลักโภชนาการสักหน่อย และให้เน้นไปที่การกินผักและผลไม้ให้มาก ๆ อีกทั้งควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูง ส่วนสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวและต้องกินยาเป็นประจำ ในการทำดีท็อกซ์หากว่าต้องการหยุดยาที่กินอยู่ตลอด ก็อย่าหยุดเองให้ปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้เป็นการกระทบกับสุขภาพตามมาในภายหลังนั่นเอง
- เสริมตัวช่วยในการช่วยล้างพิษ การทำเช่นนี้ก็เพื่อเป็นการช่วยให้สามารถดีท็อกซ์ล้างสารพิษออกจากร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งสามารถเสริมได้ด้วยการขัดผิว การทำสปา หรือว่าการอบสมุนไพร ก็จะสามารถช่วยร่างกายได้มีการขับเอาสารพิษออกมาทางผิวหนังได้มากขึ้น แถมยังช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายในการทำดีท็อกซ์ด้วย
อย่างไรก็ตาม จากที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีการทำดีท็อกซ์ในรูปแบบง่าย ๆ และเป็นธรรมชาติที่ใคร ๆ ก็สามารถทำตามได้ อีกทั้งเมื่อเป็นสูตรธรรมชาติก็ช่วยให้วางใจได้เลยว่าจะมีความปลอดภัย และไม่ก่อให้เกิดผลเข้างเคียงที่เป็นอันตรายตามมาอย่างแน่นอน ทั้งนี้ก่อนการทำดีท็อกซ์ก็จะต้องไม่ลืมเตรียมตัวในเรื่องต่าง ๆ ให้ดีเสียก่อน นั่นก็เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับร่างกายได้พร้อมมากที่สุดก่อนที่จะต้องทำดีท็อกซ์นั่นเอง หากว่าสามารถทำตามขั้นตอนทุกอย่างได้ครบถ้วน และทำตามสูตรดีท็อกซ์ได้ถูกต้อง ก็จะช่วยปรับสมดุลให้กับระบบขับถ่ายได้แน่นอนเลยนั่นเอง ดังนั้นสำหรับใครที่กำลังมองหาสูตรดีท็อกซ์แบบธรรมชาติดี ๆ ที่ใช้แล้วปลอดภัย ก็สามารถทำตามสูตรที่แนะนำเอาไว้ในข้างต้นได้เลย
อ้างอิง