กินดีท็อกซ์แล้วท้องเสีย เป็นสัญญาณอันตรายหรือเปล่า ?
กินดีท็อกซ์แล้วท้องเสีย เป็นอาการที่เกิขึ้นได้กับบางคน เพราะดีท็อกซ์จะเข้าไปกระตุ้นการขับถ่าย เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาถ่ายไม่ออกก็คือ การที่มีอาการท้องผูก หากปล่อยไวให้เป็นไปเรื่อย ๆ แล้วไม่ได้มีการขับถ่ายบ่อยมากนัก ก็จะทำให้มีสิ่งสกปรกและสารพิษต่าง ๆ สะสมอยู่ในร่างกาย ด้วยเหตุนี้จึงอาจจะซื้อดีท็อกซ์ไฟเบอร์ยอดนิยมเข้ามาช่วยในการขับถ่ายนั่นเอง ในบทความนี้เราจะมาไขข้อข้องใจสำหรับคนที่เป็นกังวลว่ากินดีท็อกซ์แล้วท้องเสีย เป็นอันตรายหรือเปล่า รวมไปถึงข้อมูลอื่น ๆ อย่าง การทำความเข้าใจเกี่ยวกับการดีท็อกซ์ลำไส้,รู้หรือไม่ การดีท็อกซ์ลำไส้มีอันตรายอย่างไร,ดูแลลำไส้ได้แบบไม่ต้องพึ่งการดีท็อกซ์ และรวมความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการดีท็อกซ์ลำไส้ จะมีข้อมูลอะไรที่น่าสนใจบ้างลองไปดูกันเลย
กินดีท็อกซ์แล้วท้องเสีย เป็นอันตรายหรือเปล่า
การทำดีท็อกซ์ในปริมาณที่เหมาะสมถือว่าไม่อัตราย แต่หากทำมากเกินไปก็ถือว่าใช่เรื่องที่ดีแล้ว เพราะว่าการที่ท้องเสียจากการกินดีท็อกซ์มากเกินไป จะสิ่งที่ส่งผลทำให้ร่างกายขาดน้ำ และขาดแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายได้ หากว่ากินอาหารเสริมดีท็อกซ์แล้วท้องเสีย หรือมีการทำดีท็อกซ์แล้วถ่ายเหลวมาก ๆ ก็แนะนำว่าให้หยุดกินดีท็อกซ์ไปเลย เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายตามมาได้ อย่างไรก็ตาม การทำดีท็อกซ์ทุกแบบรวมถึงการสวนล้างลำไส้ก็สามารถทำให้ท้องเสียได้เช่นกัน
ดีท็อกซ์ (Detox) เป็นการล้างเอาสารพิษ และสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ในร่างกายออกไป โดยมีคนไม่น้อยเลยที่เข้าใจกันว่า การดีท็อกซ์ก็คือ การล้างลำไส้เพื่อเอาสารพิษและสิ่งสกปรกออกเพียงอย่างเดียว แต่ความเป็นจริงแล้วการดีท็อกซ์ยังเป็นสิ่งที่รวมไปถึงเรื่องของลดการสะสมของเสียที่อยู่ในร่างกายด้วย ซึ่งของเสียเหล่านั้นเมื่อมีมากเกินไป ก็จะทำร้ายสุขภาพร่างกายได้ หลัก ๆ แล้วในปัจจุบันนี้จะมีการทำดีท็อกซ์อยู่ 3 รูปแบบ ได้แก่ การกินอาหารที่มีกากใยอาหารสูง, การอดอาหาร และการสวนลำไส้ วิธีทั้งหมดนี้ก็สามารถช่วยกำจัดของเสียได้ทั้งนั้น
ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการดีท็อกซ์ลำไส้
ก่อนหน้านี้ก็คงได้ทราบแล้วว่าการที่กินดีท็อกแล้วถ่ายเหลวนั้นเป็นอย่างไร ในส่วนของการดีท็อกซ์ลำไส้เองก็นับว่าเป็นวิธีการดีท็อกซ์ที่ได้รับความนิยมไม่น้อยเลย เพราะสามารถที่จะช่วยทำให้เอาของเสีย และสารพิษออกจากร่างกายได้ไม่น้อยเลย แล้วหากจะถามว่าการดีท็อกซ์ลำไส้นั้นเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นต้องทำไหม ก็ต้องตอบเลยว่า ในความจริงแล้วร่างกายของมนุษย์มีระบบกำจัดสารพิษค้างอยู่แล้ว อีกทั้งยังสามารถลดปัจจัยเสี่ยงที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้อยู่แล้วด้วย จึงทำให้การดีท็อกซ์ลำไส้อาจจะไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นมากนัก
หากว่าอยากที่จะดีท็อกซ์ลำไส้ก็แนะนำว่าให้เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ออกกำลังกายเป็นประจำ ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้ร่างกายสามารถขับสารพิษไปได้เองอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว
รู้หรือไม่ การดีท็อกซ์ลำไส้มีอันตรายอย่างไร
แน่นอนว่าการดีท็อกลําไส้ ธรรมชาติ หรือการดีท็อกซ์ด้วยวิธีการธรรมชาตินั้นเป็นสิ่งที่ดี ซึ่งทั้งนี้ก็เป็นสิ่งที่ทำไม่ง่าย และต้องใจเย็น ๆ เพราะใช้เวลาในการทำมากกว่า ในทางกลับกันการดีท็อกซ์ด้วยการสวนลำไส้เป็นสิ่งที่สามารถทำได้เลย และให้ผลลัพธ์ที่ไวมากกว่า แต่รู้หรือไม่ว่าการดีท็อกซ์ด้วยวิธีนี้ก็มีอันตราย และสิ่งที่ต้องระวังหลาย ๆ อย่างเลย โดยจะมีดังต่อไปนี้
- การทำดีท็อกซ์ด้วยการสวนลำไส้แบบที่ไม่รู้วิธีการใช้อุปกรณ์ และไม่รู้จักวิธีการทำที่ถูกต้อง ก็อาจจะทำให้เกิดบาดแผลขึ้นที่รูทวารได้ รวมถึงยังสามารถทำให้เกิดการติดเชื้อตามมาได้ด้วย ดังนั้นหากว่าต้องการให้ปลอดภัยจึงควรให้แพทย์เป็นผู้ทำจะดีมากกว่า
- การดีท็อกซ์ด้วยการสวนทวารไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นต้องทำบ่อย ๆ เนื่องจากว่าอาจจะทำให้ระบบขับถ่ายของร่างกายเกิดการทำงานได้แบบไม่มีประสิทธิภาพ จึงอาจจะต้องใช้วิธีการสวนทวารเพื่อให้เกิดการขับถ่ายอยู่เสมอ และในที่สุดก็อาจจะส่งผลทำให้ร่างกายไม่สามารถขับถ่ายเองได้อีกต่อไป
- การดีท็อกซ์บ่อย ๆ ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ เพราะอาจจะทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากเกินไปได้ ซึ่งหากว่าเป็นเช่นนี้ก็จะทำให้เสี่ยงต่อการช็อก หรือว่าเสียชีวิตได้เลย
- การทำดีท็อกซ์บ่อยมากจนเกินไปจะทำให้ไปลดปริมาณของแบคทีเรียที่มีประโยชน์ต่อลำไส้ออกไป เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะทำให้ร่างกายไม่มีแบคทีเรียที่ดีต่อลำไส้ และจะส่งผลร้าย ๆ ต่อร่างกายตามมาในหลาย ๆ ด้านเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการย่อยอาหาร และเรื่องของระบบภูมิคุ้มกันเชื้อโรค
- การทำดีท็อกซ์ลำไส้เป็นสิ่งที่ดีที่จะช่วยให้ร่างกายสามารถขับสารพิษ และสิ่งสกปรกออกไปได้ อีกทั้งยังช่วยกำจัดตัวการที่จะก่อโรคให้กับร่างกายได้ออกไปด้วย แต่ทั้งนี้ก็มีผู้ที่เป็นโรคประจำตัวบางอย่างที่ไม่สามารถทำการดีท็อกซ์ได้ เช่น ผู้ที่เป็นความดันโลหิตสูง, เด็ก, สตรีมีครรภ์, ผู้ป่วยช่องท้องอักเสบ หรือผู้ที่มีอาการอ่อนเพลีย ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ไม่ควรทำดีท็อกซ์อย่างเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้
ดูแลลำไส้ได้แบบไม่ต้องพึ่งการดีท็อกซ์
การทำดีท็อกซ์เป็นสิ่งที่ดีต่อร่างกายของมนุษย์มากก็จริง แต่การทำดีท็อกซ์มากเกิน หรือทำไม่ถูกต้อง ก็อาจจะเป็นสิ่งที่ไม่ได้ส่งผลดีต่อร่างกายตามมาแน่นอน เมื่อเป็นเช่นนี้การทำดีท็อกลําไส้ ธรรมชาติ หรือการใช้วิธีดูแลลำไส้ตามธรรมชาติย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่า ซึ่งสามารถทำได้ไม่ยากเลย ไม่ว่าจะเป็นการกินอาหารที่มีไฟเบอร์สูง เช่น แก้วมังกร, มะละกอ, ราสเบอร์รี่, นม, ผักใบเขียว และอาหารอื่น ๆ อีกมากมาย ก็เป็นสิ่งที่สามารถช่วยดูแลลำไส้ได้ อีกทั้งการหลีกเลี่ยงการกินเนื้อแดงมากเกินไป หรือการดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย รวมถึงการไม่สูบบุหรี่ และการจำกัดปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์ ก็เป็นสิ่งที่ควรทำเช่นกัน
การดูแลลำไส้ด้วยวิธีการดีท็อกซ์แบบธรรมชาตินั้น เป็นสิ่งที่จะช่วยทำให้สามารถป้องกันสุขภาพเกี่ยวกับลำไส้ได้ เช่น อาการท้องเสีย, ท้องผูก หรือว่าท้องอืด อีกทั้งการดูแลลำไส้ยังเป็นการช่วยล้างสารพิษตกค้างที่เกิดจากการกินอาหารได้ด้วย และยังเป็นสิ่งที่สามารถช่วยคงสุขภาพที่ดีให้กับร่างกายได้ด้วย นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมถึงควรดูแลสุขภาพของลำไส้ให้ดี
รวมความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการดีท็อกซ์ลำไส้
จากที่กล่าวไปก่อนหน้านี้คงจะช่วยทำให้เข้าใจกันได้มากขึ้นแล้วว่า การกินดีท็อกแล้วถ่ายเหลวนั้นเป็นอย่างไร แล้วการดีท็อกซ์ลำไส้มีอันตรายแบบไหนบ้าง รวมถึงการดูแลสุขภาพลำไส้แบบวิธีธรรมชาติสามารถทำได้อย่างไร ในส่วนนี้ก็จะมาอธิบายกันถึงเรื่องความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการดีท็อกซ์ลำไส้กันสักหน่อย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามเลย ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการดีท็อกซ์ลำไส้ก็มีดังต่อไปนี้
- เชื่อว่าการดีท็อกซ์สามารถช่วยลดไขมันได้ เรื่องนี้เป็นความเชื่อที่คนส่วนใหญ่คิดเกี่ยวกับเรื่องของการดีท็อกซ์กันเยอะมาก ๆ แต่ความจริงแล้วการทำดีท็อกซ์ช่วยลดพุงจากการไม่ขับถ่าย ช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย ด้วยวิธีการอุจจาระ ซึ่งวิธีการนี้เองจะเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้รู้สึกว่าตัวเบามากขึ้น ทั้งนี้ในความจริงก็คือ เป็นการที่ร่างกายมีการขับถ่ายเอาของเสียและน้ำออกไปเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับไขมันแต่อย่างใด
- เชื่อว่าอาหารเสริมหรือเครื่องดื่มดีท็อกซ์ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกายได้ เรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งความเชื่อที่เกิดขึ้นในความคิดของผู้คนมากมายเช่นกัน เพราะเชื่อว่าอาหารเสริมสามารถช่วยขับสารพิษได้จริงซื้อมากินกัน แต่ความจริงก็คือ การกินอาหารเสริมหรือเครื่องดื่มดีท็อกซ์ที่ขายกันอยู่ในท้องตลาดนั้น ไม่ใช่สิ่งที่สามารถช่วยขับสารพิษออกจากร่างกายได้ ทางที่ดีก็ไม่ควรซื้อมากินเองด้วยซ้ำ และหากว่าต้องการจะกินควรทำการปรึกษากับเภสัชกรหรือแพทย์ก่อนก็จะดีมากกว่า
- เชื่อว่าน้ำหมักผัก ผลไม้ ช่วยขับของเสียออกจากร่างกายได้ ในเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ผู้คนเชื่อกันไม่น้อยเลยเช่นกัน ความจริงแล้วน้ำหมัก ผักและผลไม้นั้นไม่ได้มีความสามารถในการช่วยล้างสารพิษออกมาจากร่างกายแต่อย่างใด อีกทั้งอาจจะทำให้เสี่ยงต่อการเพิ่มสารพิษตกค้างในร่างกายด้วยหากว่าผักและผลไม้ที่กินไม่สะอาด รวมถึงในส่วนของภาชนะที่ใส่ในการหมักถ้าไม่สะอาดก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีเช่นกัน เนื่องจากอาจจะทำให้เกิดการปนเปื้อนของเชื้อโรคและแบคทีเรียที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้ ซึ่งสิ่งนี้จะส่งผลทำให้ท้องเสียในระยะยาวได้เลย
- เชื่อว่าการกินยาระบาย คือการทำ ดีท็อกลำไส้ วิธีหนึ่ง ความจริงแล้วเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ยาระบายจะทำหน้าที่ในการดึงเอาน้ำออกมาจากผนังของลำไส้ จึงส่งผลทำให้เนื้ออุจจาระที่ออกมานิ่ม และขับถ่ายได้ง่ายมากขึ้น แต่ยาระบายไม่ได้มีความสามารถในการช่วยล้างสารพิษแต่อย่างใด
ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมานี้ก็เป็นข้อมูลของการทำดีท็อกซ์ที่สำคัญ และอยากให้ได้ทำความเข้าใจกันเอาไว้ด้วย เนื่องจากว่าการทำดีท็อกซ์เป็นสิ่งที่ดีต่อร่างกายมากก็จริง แต่การก็ดีท็อกซ์ก็ส่งผลเสีย และทำให้เกิดอันตรายตามมาได้ด้วย ซึ่งการที่ท้องเสียจากการทำดีท็อกซ์ก็ถือว่าเป็นผลข้างเคียงอย่างหนึ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ ทางที่ดีพยายามหาทางดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดีมากที่สุดดีกว่า นั่นก็เพื่อเป็นการช่วยให้มีสุขภาพที่ดีในระยะยาว หากว่าสุขภาพดีก็จะส่งผลดีไปถึงเรื่องของระบบขับถ่ายที่จะดีมากด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่ควรมองข้ามเรื่องของการดูแลตัวเองไปเลย
อ้างอิง
- 5 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการดีท็อกซ์ลำไส้ (samitivejhospitals.com). https://www.samitivejhospitals.com/th/article/detail/ดีท็อกลำไส้
- อันตรายจาก “ดีท็อกซ์ลำไส้” ที่คุณอาจไม่เคยรู้ (sanook.com). https://www.sanook.com/health/5097/
