ดีท็อกซ์ลดพุง ถือว่าเป็นตัวช่วยขับถ่ายดีสำหรับใครหลาย ๆ คน เพราะทุกคนก็อยากที่จะมีหุ่นที่ดี ไม่มีพุง และมีสุขภาพที่ดี รวมถึงสุขภาพที่ดีในการขับถ่ายด้วย โดยเรื่องของการขับถ่ายก็ถือว่ามีส่วนสำคัญในการลดน้ำหนัก หรือว่าการควบคุมน้ำหนักด้วย เพราะหากว่ามีการขับถ่ายดีก็จะช่วยให้อะไรหลาย ๆ อย่างในร่างกายดีตามไปด้วย ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลต่อการลดน้ำหนักได้ด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นมาก ๆ ที่จะต้องทำอย่างไรก็ได้ให้ระบบการขับถ่ายของร่างกายนั้นมีการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งการทำดีท็อกซ์ในปัจจุบันนั้นก้สะดวกมากเพราะสามารถทำได้หลายวิธีเช่นการดีท็อกวืธรรมชาติ การสวนลำไส้ ไปจนถึงการซื้อไฟเบอร์ดีท็อกซ์ตามรีวิวมาทดลองรับประทานกัน ในบทความนี้เราได้รวบรวมข้อมูลมาให้ศึกษาเกี่ยวกับดีท็อกซ์ลดพุง คืออะไร มาทำความเข้าใจกัน, การดีท็อกซ์ สามารถทำได้อย่างไรบ้าง,การทำดีท็อกซ์เพื่อลดพุง ควรทำกี่วัน และควรทำตอนไหน,รวมประโยชน์ของการทำดีท็อกซ์ และผู้ที่ควรหลีกเลี่ยงการทำดีท็อกซ์มีใครบ้าง
ดีท็อกซ์ลดพุง (Detox) หรือ Detoxification เป็นวิธีการที่จะช่วยกำจัดเอาสารพิษออกไปจากร่างกาย เพราะโดยปกติแล้วร่างกายของมนุษย์ก็จะมีระบบในการกำจัดสารพิษอยู่แล้ว แต่หากว่ามีสารพิษหรือของเสียสะสมอยู่ในร่างกายมากเกินไป ก็จะส่งผลทำให้เป็นโรคต่าง ๆ ตามมาได้ เมื่อเป็นเช่นนี้การดีท็อกซ์จึงเป็นวิธีการที่จะช่วยในเรื่องนี้ได้ เนื่องจากว่าดีท็อกซ์สามารถช่วยให้ระบบการกำจัดสารพิษของร่างกายสามารถทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นสิ่งที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบขับถ่าย และช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมเอาสารอาหารไปใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย
ปัจจุบันนี้การทำดีท็อกซ์ถือว่าเป็นสิ่งที่กำลังได้รับความนิยมมาก ๆ เนื่องจากว่าสามารถช่วยในเรื่องของการขับถ่ายได้เป็นอย่างดี อีกทั้งการทำดีท็อกซ์ยังสามารถช่วยลดพุงได้ด้วย ซึ่งจะเป็นที่รู้จักกันในการทำ ดีท็อกซ์ลดพุง นั่นเอง ซึ่งบอกได้เลยว่าเหล่าผู้คนที่ดูแลรูปร่างของตัวเองเป็นอย่างดี และดูแลสุขภาพนั้น ก็มักจะเลือกใช้วิธีการดีท็อกซ์แบบนี้กัน
มาถึงในส่วนของการทำดีท็อกซ์เพื่อช่วยลดพุงกันบ้าง ที่ในส่วนนี้จะมาช่วยอธิบายให้ได้เข้าใจกันมากขึ้นว่า การดีท็อกซ์สามารถทำได้อย่างบ้าง โดยวิธีการทำดีท็อกซ์ หรือสูตรดีท็อกซ์ลดพุงก็มีให้เลือกหลากหลายวิธี สำหรับวิธีการดีท็อกซ์ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายนั้น ก็มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 วิธี สำหรับแต่ละวิธีก็มีการทำที่แตกต่างกัน และมีข้อดี-ข้อเสียที่ไม่เหมือนกันด้วย ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1.การดีท็อกซ์แบบสวนล้างลำไส้
การดีท็อกซ์แบบการสวนล้างลำไส้ (Colonic Detoxification) เป็นวิธีการดีท็อกซ์ที่มีมานานมากแล้ว แต่ข้อเสียของวิธีการนี้คือค่อนข้างอันตราย จึงทำให้ต้องมีการทำอย่างระมัดระวังมากที่สุดและจะต้องทำให้ถูกต้องโดยผู้เชี่ยวชาญ หรือแพทย์เท่านั้น ซึ่งวิธีนี้จะเป็นการใช้อุปกรณ์ที่ใส่น้ำเกลือเรียบร้อยแล้วฉีดเข้าไปทางทวารหนัก เพื่อเป็นการช่วยให้มีน้ำไปเป็นตัวช่วยในการลำเลียงสิ่งสกปรกออกมาจากลำไส้ อย่างไรก็ตาม การใช้วิธีดีท็อกซ์แบบนี้จะต้องใช้น้ำเกลือเท่านั้น เพราะหากว่าใช้น้ำอื่นที่นอกเหนือไปจากนี้ ก็อาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อขึ้นได้
การดีท็อกซ์ด้วยอาหารเสริมไฟเบอร์ เป็นวิธีการดีท็อกซ์ที่ถือว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และในปัจจุบันนี้ก็มีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมไฟเบอร์วางขายในท้องตลาดอยู่มากมายเลย โดยส่วนใหญ่แล้วอาหารเสริมเหล่านี้ก็มักจะมีส่วนผสมที่สำคัญของไฟเบอร์ 2 ชนิด ก็คือ ไฟเบอร์ที่สามารถละลายน้ำได้ (Soluble Dietary Fiber) และ ไฟเบอร์ที่ไม่สามารถละลายน้ำได้ (Insoluble Dietary Fiber) ซึ่งการกินอาหารเสริมไฟเบอร์จะเป็นการช่วยได้ในหลาย ๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำให้รู้สึกอิ่มเร็ว กินได้น้อยลง และช่วยให้ร่างกายมีการขับถ่ายที่ดีมากขึ้น รวมถึงยังช่วยให้ไม่มีการสะสมของไขมัน และช่วยลดพุงได้อีกด้วย
การดีท็อกซ์ด้วยการกินอาหารที่เหมาะสม ก็เป็นวิธีการดีท็อกซ์ที่สามารถทำได้ง่ายเช่นกัน โดยเป็นวิธีการดีท็อกซ์แบบธรรมชาติ ที่จะให้กินอาหารที่เหมาะสมในการช่วยเรื่องขับถ่าย ซึ่งอาหารที่เลือกกินนั้นนอกจากที่จะต้องมีประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว ก็ยังจะต้องช่วยในการกระตุ้นการขับถ่าย และกระตุ้นระบบการทำงานของลำไส้ให้ทำงานได้ดีด้วย นั่นก็เพื่อช่วยให้ร่างกายสามารถทำการขับถ่ายได้เอง และทำได้ง่ายมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นวิธีการที่จะช่วยทำให้พุงยุบลงได้ด้วยเช่นกัน
เมื่อได้ทราบถึงเรื่องของสูตรดีท็อกซ์ลดพุง หรือวิธีการทำดีท็อกซ์กันไปแล้วว่ามีแบบไหนบ้าง ในส่วนนี้ก็จะมาอธิบายในเรื่องของการทำระยะเวลาในการทำดีท็อกซ์กันบ้าง ว่าควรจะต้องทำนานกี่วัน แล้วควรทำตอนไหนบ้าง โดยความจริงแล้วการทำดีท็อกซ์เพื่อช่วยลดพุงนั้นไม่ได้มีการกำหนดจำนวนวันที่ต้องทำแบบตายตัว เพียงแค่จะต้องทำให้ต่อเนื่องกันไปในระยะเวลาหนึ่งก็เท่านั้น ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสูตรดีท็อกซ์ที่ใช้ และขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคนด้วยว่าให้ผลลัพธ์ออกมาอย่างไรบ้าง แต่อย่างไรก็ตามหากว่าอยากให้ทำแล้วสามารถเห็นผลได้จริง ก็แนะนำว่าให้ทำตามสูตรดีท็อกซ์ไปเลยอย่างน้อย 3 วันขึ้นไป จึงจะช่วยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่ชัดเจนมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การทำดีท็อกซ์เพื่อช่วยลดพุง ไม่ว่าจะเป็นสูตรไหนก็ตาม ควรจะมีการศึกษาวิธีการและแนวทางการปฏิบัติอย่างถูกต้องก่อน อีกทั้งยังไม่ควรทำดีท็อกซ์เป็นเวลาติดกันนานเกินไป เพราะจะเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดผลเสียกับสุขภาพร่างกายตามมาได้ง่าย นอกจากนี้หากว่าอยากให้การทำดีท็อกซ์ปลอดภัยมากยิ่งขึ้นก็แนะนำว่าควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อขอคำแนะนำที่เหมาะสมในการทำดีท็อกซ์ก็จะดีมากกว่า
สำหรับการทำดีท็อกซ์เพื่อช่วยลดพุงนั้น ก็สามารถทำได้หลายช่วงเวลา โดยแต่ละช่วงเวลาก็จะให้ผลลัพธ์ที่ออกมาแตกต่างกันไป ซึ่งหลัก ๆ แล้วช่วงเวลาที่มักจะใช้ทำดีท็อกซ์ หรือดื่มดีท็อกซ์กัน ก็คือ การทำในช่วงเช้า ตั้งแต่เวลา 05.00–12.00 น. การทำดีท็อกซ์ในช่วงเวลานี้จะทำในตอนที่ท้องว่าง และเป็นช่วงที่ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย และช่วยลดพุงได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ก็ยังมีการทำดีท็อกซ์ในช่วงบ่าย ที่จะทำตั้งแต่เวลา 13.00–15.00 น. การทำดีท็อกซ์ในช่วงเวลานี้จะเป็นการช่วยให้การทำงานของระบบย่อยในลำไส้นั้นดีมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ในช่วงเย็นก็เป็นช่วงที่สามารถทำดีท็อกซ์ได้เช่นกัน การทำดีท็อกซ์ในช่วงนี้จะต้องทำตอนท้องว่าง หรือก่อนเข้านอน ก็จะช่วยทำให้ระบบย่อยอาหารสามารถทำงานดี และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การทำดีท็อกซ์ลดพุง ธรรมชาตินั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมาก ๆ และสามารถช่วยแก้ปัญหาให้กับร่างกายได้หลายเรื่องเลย โดยข้อดีของการทำดีท็อกซ์ก็มีดังต่อไปนี้
การดีท็อกซ์ลดพุง ธรรมชาติ หรือทำดีท็อกซ์นั้น ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถใช้วิธีการนี้กันได้ทั้งหมด เนื่องจากว่าบางคนอาจจะอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่ไม่เหมาะต่อการทำดีท็อกซ์ด้วย จึงทำให้ต้องระมัดระวังและรู้ก่อนว่าใครที่ไม่สามารถทำได้บ้าง หากรู้แล้วว่าไม่เหมาะสมที่จะทำแต่อยากหรือสนใจทำดีท็อกซ์ ก็ควรจะต้องทำการปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน เพื่อเป็นการช่วยให้การทำดีท็อกซ์นั้นเป็นไปอย่างปลอดภัยมากที่สุด ซึ่งทั้งนี้ก็ไม่ควรทำดีท็อกซ์บ่อยมากจนเกินไป
สำหรับการทำดีท็อกซ์นั้น ก็จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป หากว่าเป็นผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีปัญหาด้านสุขภาพแล้วต้องการทำดีท็อกซ์ ก็จะต้องปรึกษากับแพทย์ก่อน เพื่อให้แพทย์ทำการช่วยปรับวิธีการดีท็อกซ์ที่เหมาะสมให้ ซึ่งกลุ่มคนที่ไม่ควรทำดีท็อกซ์ หรือไม่เหมาะสมในการทำดีท็อกซ์ ก็ได้แก่
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ก็เป็นสิ่งที่จะช่วยทำให้เข้าใจกันได้มากขึ้นแล้วว่า การดีท็อกซ์เพื่อลดพุงสามารถทำได้อย่างไรบ้าง มีประโยชน์อย่างไร แล้วควรทำตอนไหน และต้องทำนานแค่ไหนถึงช่วยให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนได้ อีกทั้งยังช่วยทำให้ทราบด้วยว่าไม่ใช่ทุกคนจะสามารถทำดีท็อกซ์ได้ เพราะยังมีผู้คนบางกลุ่มที่เป็นกลุ่มเสี่ยง จนทำให้ไม่สามารถทำดีท็อกซ์ได้
อย่างไรก็ตาม ก่อนทำดีท็อกซ์ก็จำเป็นที่จะต้องตรวจดูก่อนว่าตัวเองเป็นกลุ่มคนที่สามารถทำดีท็อกซ์ได้หรือไม่ ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการช่วยให้เกิดความปลอดภัย และช่วยให้ไม่มีอันตรายตามมาในภายหลังจากที่ทำดีท็อกซ์ไปแล้วนั่นเอง แต่หากว่าเป็นกลุ่มคนที่สามารถทำได้ และอยากที่จะทำให้พุงของตัวเองยุบลงได้ การทำดีท็อกซ์ก็ถือว่าเป็นวิธีการที่น่าสนใจไม่น้อยเลย
อ้างอิง